แฟรนไชส์ร้านอาหารไทย : โอกาสที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ
การลงทุนใน แฟรนไชส์ร้านอาหารไทย เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน เนื่องจากอาหารไทยเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะเมนู Street Food อย่างข้าวกะเพรา ที่ขายง่าย ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการอาหารสะดวก รวดเร็ว และรสชาติคุ้นเคย
แต่! ไม่ใช่ทุกแฟรนไชส์ร้านอาหารไทยจะประสบความสำเร็จ หากคุณกำลังมองหาแฟรนไชส์ที่น่าลงทุน คุณต้องมีเกณฑ์ในการพิจารณาก่อนตัดสินใจ เช่น ระบบบริหารแฟรนไชส์ ความแข็งแกร่งของแบรนด์ โครงสร้างต้นทุน และศักยภาพของตลาด
ในบทความนี้ Gnosis Advisory จะช่วยคุณวิเคราะห์…
โอกาสและความท้าทายของแฟรนไชส์ร้านอาหารไทย
- เกณฑ์คัดเลือกสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารไทย street food
- กรณีศึกษา: แฟรนไชส์ร้านอาหารไทย มุมกะเพรา เป็นตัวเลือกที่ดีหรือไม่?
- คำแนะนำจากที่ปรึกษาแฟรนไชส์: จะลงทุนแฟรนไชส์ต้องคิดอะไรบ้าง?
เราใช้ “มุมกะเพรา” เป็นกรณีศึกษาในการวิเคราะห์ เพื่อให้คุณเห็นภาพของแฟรนไชส์ร้านอาหารไทยที่มีระบบบริหารมาตรฐาน และพิจารณาว่า โครงสร้างแฟรนไชส์แบบนี้เหมาะกับคุณหรือไม่
ทำไมธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารไทย Street Food ถึงเป็นที่นิยม?
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย (Kasikorn Research Center – KResearch) ระบุว่า: ธุรกิจร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มปี 68 คาดขยายตัว 4.6% มูลค่าตลาด 657,000 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารข้างทางที่มีหน้าร้าน (Street Food) มีอัตราโตดีกว่ากลุ่มร้านอาหารอื่น โตกว่า 6.3% ด้วยเหตุผลว่ามีเมนูพื้นฐานที่เข้าถึงง่าย ราคาไม่สูง และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ
จึโนซิส วิเคราะห์เพิ่มเติมว่าปัจจัยที่ผลักดันการเติบโต ได้แก่ พฤติกรรมการบริโภคที่เร่งรีบ คนทำงานต้องการอาหารที่เร็วและสะดวก, เดลิเวอรีช่วยเพิ่มยอดขาย การสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Grab, Lineman, Robinhood ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง, นักลงทุนหันมาทำแฟรนไชส์มากขึ้น เนื่องจากเป็นโมเดลธุรกิจที่ลดความเสี่ยงในการเริ่มต้น
ความท้าทายที่ต้องพิจารณา สำหรับร้านอาหารไทย Street Food
- การแข่งขันสูง : เมนู Street Food มีร้านอิสระจำนวนมาก เจ้าของแฟรนไชส์ต้องสร้างความแตกต่าง
- ต้นทุนบริหารร้านเพิ่มขึ้น : ค่าแรงขั้นต่ำ ค่าเช่าพื้นที่ และราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มสูงขึ้น
- พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป : คนสั่งเดลิเวอรีมากขึ้น เจ้าของร้านต้องบริหารต้นทุนแพลตฟอร์มให้ดี
เกณฑ์คัดเลือกแฟรนไชส์ร้านอาหาร Street Food ที่น่าลงทุน และอยู่รอดในระยะยาว
การเลือกลงทุน แฟรนไชส์ร้านอาหารไทย Street Food ไม่ใช่แค่การดูว่าแบรนด์ไหนดัง หรือใครกำลังเปิดสาขาเยอะที่สุด แต่ต้องพิจารณาปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ “ความอยู่รอดของธุรกิจ”
- ระบบบริหารแฟรนไชส์แข็งแกร่งหรือไม่? : แฟรนไชส์ควรมีระบบสนับสนุนแฟรนไชส์ซี เช่น การอบรม การจัดหาวัตถุดิบ และการตลาด Gnosis แนะนำว่า “หากแฟรนไชส์ที่คุณกำลังสนใจ ไม่มีการอบรมที่ชัดเจน หรือ ไม่มีทีมงานสนับสนุนหลังจากเปิดร้าน ให้พิจารณาให้รอบคอบ เพราะอาจหมายถึง คุณต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งขัดกับแนวคิดของการซื้อแฟรนไชส์”
- ค่าแฟรนไชส์และค่าใช้จ่ายรายเดือนสมเหตุสมผลหรือไม่? เปรียบเทียบกับแฟรนไชส์อื่น เช่น “มุมกะเพรา” มีค่าแฟรนไชส์ 450,000 บาท และเก็บ Royalty Fee 4% จากยอดขาย Gnosis แนะนำว่า “อย่าเลือกแฟรนไชส์ที่ถูกที่สุด! ต้องดูว่าค่าธรรมเนียมที่จ่ายไปมีความคุ้มค่าหรือไม่ ถ้าแฟรนไชส์มีระบบสนับสนุนดี ค่า Royalty Fee ก็ถือว่าสมเหตุสมผล แต่ถ้าไม่มีอะไรช่วยเลย คุณอาจเสียเงินเปล่า”
- แฟรนไชส์มีจุดขายที่แตกต่างหรือไม่? ควรเลือกแบรนด์ที่มี USP (Unique Selling Proposition) ชัดเจน เช่น “มุมกะเพรา” เน้นคุณภาพวัตถุดิบ ไม่ใส่ผงชูรส และรองรับทำเลพรีเมียม มีภาพลักษณ์แฟรนไชส์ที่ดูทันสมัย ไม่ใช่แค่ร้านกะเพราทั่วไป Gnosis แนะนำว่า “ถ้าแฟรนไชส์ที่คุณกำลังสนใจ ไม่มีจุดขายที่แตกต่าง และเป็นแค่ร้านอาหารธรรมดาที่นำมาทำแฟรนไชส์ ต้องระวัง! เพราะเมื่อมีคู่แข่งเข้ามาในตลาด คุณอาจไม่มีข้อได้เปรียบอะไรเลย”
- ทำเลที่เหมาะสมและศักยภาพของตลาด แฟรนไชส์ควรมีทีมช่วยวิเคราะห์ทำเล และควรเลือก ทำเลที่มีลูกค้าประจำ เช่น ออฟฟิศ โรงพยาบาล หรือปั๊มน้ำมัน Gnosis แนะนำว่า “ถ้าแฟรนไชส์ ไม่ช่วยวิเคราะห์ทำเลให้คุณเลย หรือ ไม่มีโมเดลร้านที่ยืดหยุ่น ให้คิดให้ดีว่าคุณพร้อมจะหาทำเลเองหรือไม่”
- ระยะเวลาคืนทุนและโอกาสเติบโต ต้องคำนวณว่า กี่เดือนจะคืนทุน และมีโอกาสขยายสาขาหรือไม่ Gnosis แนะนำว่า “อย่าหลงเชื่อโฆษณาที่บอกว่า “คืนทุนใน 6 เดือน” เพราะอาจเป็นตัวเลขที่ไม่สะท้อนความเป็นจริง ต้องดูจากกรณีศึกษาของแฟรนไชส์ซีที่เปิดร้านไปแล้ว”
- แฟรนไชส์มีโมเดลธุรกิจที่ยืดหยุ่นหรือไม่? เช่น โมเดลธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนได้ เช่น สามารถเปิดได้ทั้งร้าน Stand-alone, คีออส, หรือฟู้ดคอร์ท รองรับช่องทางขายหลากหลาย (On-site + Delivery + Takeaway)
- แบรนด์แฟรนไชส์มีการพัฒนาสินค้าและเมนูใหม่ๆ หรือไม่? เช่น ปรับเปลี่ยนเมนูให้เหมาะกับฤดูกาลหรือพฤติกรรมลูกค้า ออกสินค้าใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขาย มีเมนูพิเศษที่ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อซ้ำ ยกตัวอย่างมุมกะเพรามีเมนูอื่น ๆ ด้วย ได้แก่ เกี๊ยวซ่ากรอบกระเพรากุ้ง และ Thai Fries หรือ ไทยฟรายส์ Gnosis แนะนำว่า “หากแฟรนไชส์ที่คุณสนใจ ไม่มีการพัฒนาเมนูใหม่เลย และขายแค่เมนูเดิมๆ อาจทำให้ธุรกิจไม่มีความแตกต่างและแข่งขันในระยะยาวได้ยาก”
ข้อมูลการลงทุนแฟรนไชส์มุมกะเพรา
- ค่าแฟรนไชส์ (Initial Fee) 450,000 บาท (จ่ายครั้งเดียว)
- ค่า Royalty Fee 4% จากยอดขาย (ชำระรายเดือน)
- ค่า Marketing Fee 2% จากยอดขาย (ชำระรายเดือน)
- ค่าการตลาดท้องถิ่น 1% จากยอดขาย (ชำระรายเดือน)
- งบลงทุนรวมโดยประมาณ 1,000,000 – 1,500,000 บาท
- จุดคุ้มทุน 10 – 14 เดือน (ขึ้นอยู่กับทำเล)
- ทำเลที่แนะนำ ได้แก่ สำนักงานออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ปั้มน้ำมัน ย่านชุมชน ฯลฯ
สิ่งที่คุณจะได้รับจากการลงทุนแฟรนไชส์มุมกะเพรา:
- ใช้เครื่องหมายการค้าและสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจ
- ทีมงานช่วยประเมินศักยภาพของพื้นที่ เพื่อให้คุณเลือกทำเลที่ดีที่สุดในการลงทุน (มูลค่า 10,000 บาท)
- ออกแบบร้านให้เหมาะสมกับพื้นที่ พร้อมแบบฟอร์มการตีราคากลาง เพื่อช่วยวางแผนงบประมาณ (มูลค่า 85,000 บาท)
- ให้คำแนะนำในการเปิดร้าน, ทำแคมเปญโปรโมท, และกลยุทธ์สร้างยอดขายในแต่ละทำเล
- มีทีมมืออาชีพที่ช่วยแนะนำทุกขั้นตอน ตั้งแต่เปิดร้านจนถึงการขยายธุรกิจ
- อบรมครบทุกด้าน ทั้งการบริหารร้าน, สูตรอาหาร, การควบคุมต้นทุน และการบริหารทีมงาน (ฝึกได้ 8 คน)
มุมมองจาก Gnosis Advisory: ซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหาร ต้องคิดอะไรบ้าง?
✅ ควรซื้อแฟรนไชส์ ถ้าคุณ…
- ต้องการแฟรนไชส์ที่มีมาตรฐาน และมีระบบสนับสนุน
- มีเงินทุนเพียงพอ และเข้าใจว่าต้องมีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง
- พร้อมบริหารร้าน หรือมีทีมงานที่ไว้ใจได้
❌ ไม่ควรซื้อแฟรนไชส์ ถ้าคุณ…
- ต้องการธุรกิจที่ไม่ต้องบริหารเอง (ร้านอาหารต้องมีเจ้าของใส่ใจในการดูแลร้าน!)
- ไม่มีเงินทุนสำรอง หรือหวังคืนทุนเร็วเกินไป
- เลือกแฟรนไชส์เพราะเห็นว่าคนอื่นทำแล้วรวย (ต้องศึกษาตลาดและบริหารต้นทุนให้ดี!)
มุมกะเพราเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการแฟรนไชส์พรีเมียม พร้อมระบบบริหารจัดการที่แข็งแกร่ง ไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแฟรนไชส์ราคาต่ำและไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน สนใจแฟรนไชส์มุมกะเพราคลิกกรอกข้อมูลที่นี่
ตัวชี้วัดสำคัญในการวิเคราะห์ แฟรนไชส์ร้านอาหารไทย Street Food
หากต้องการประเมินว่าแฟรนไชส์ร้านอาหารมีศักยภาพในการทำกำไรและคืนทุนเร็วหรือไม่ ควรพิจารณา 5 ตัวชี้วัดหลัก (KPIs) ได้แก่
- ค่าเฉลี่ยบิลต่อหัว (Average Bill Size) ซึ่งควรอยู่ที่ 120-150 บาทขึ้นไป เพื่อให้มีกำไรเพียงพอ,
- จำนวนบิลที่ขายได้ต่อวัน (Number of Bills per Day) ซึ่งควรอยู่ที่ 100-150 บิลขึ้นไป เพื่อให้ยอดขายเพียงพอครอบคลุมต้นทุน,
- รายได้รวมต่อเดือน (Total Monthly Revenue) ที่ควรสูงกว่า 400,000 บาท ขึ้นไป,
- กำไรสุทธิรายเดือน (Net Profit per Month) ซึ่งควรอยู่ที่ 10-20% ของยอดขาย เพื่อให้มีเงินเหลือสำหรับขยายธุรกิจ และ
- ระยะเวลาคืนทุน (ROI – Return on Investment) ซึ่งควรอยู่ในช่วง 12-18 เดือน (ถ้าเกิน 2 ปี อาจเสี่ยงสูง) เพื่อให้การลงทุนมีความคุ้มค่าและลดความเสี่ยง
หากแฟรนไชส์ร้านอาหารไทยขนาดเล็ก (เงินลงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท) สามารถทำตามเกณฑ์เหล่านี้ได้ ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในระยะยาว
Gnosis Advisory – ที่ปรึกษาแฟรนไชส์ที่ช่วยให้คุณตัดสินใจอย่างชาญฉลาด! สนใจอยากซื้อแฟรนไชส์ดูแฟรนไชส์น่าลงทุนที่คลิกนี้
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ