บทนำ: ความฝันในการขยายแฟรนไชส์
แฟรนไชส์ เป็นโมเดลการขยายตัวที่หลายผู้ประกอบการใฝ่ฝัน เพราะมันช่วยเพิ่มความเร็วในการเติบโต ลดภาระการลงทุน และเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ในตลาด อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจด้วยระบบ แฟรนไชส์ ไม่ใช่แค่การเปิดสาขาใหม่ แต่คือการสร้างระบบที่สอดคล้องและควบคุมได้
ใน หลักสูตรสร้างธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ (B2B รุ่นที่ 28) ที่จัดขึ้นโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 คุณเศรษฐพงศ์ ผดุงพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีโนซิส จำกัด ได้ถ่ายทอดประสบการณ์จริงเกี่ยวกับการสร้างระบบแฟรนไชส์ พร้อมทั้งสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการเกี่ยวกับเหตุผลและความท้าทายที่พวกเขาเผชิญ
เหตุผลหลักที่ผู้ประกอบการอยากขยาย แฟรนไชส์
ผลการโหวตจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมอบรม (77 คน) ชี้ให้เห็นถึงเหตุผลสำคัญในการขยายแฟรนไชส์ ดังนี้:
อันดับที่ 1 มีโมเดลธุรกิจที่ทำซ้ำได้และเห็นโอกาสในตลาด (30%) : ผู้ประกอบการหลายคนมั่นใจว่าโมเดลธุรกิจของพวกเขามีศักยภาพและสามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นทำตามได้
อันดับที่ 2 ต้องการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว (27%) : แฟรนไชส์เป็นเครื่องมือเร่งการเติบโตที่ช่วยให้แบรนด์ครอบคลุมพื้นที่ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
อันดับที่ 3 เพิ่มการรับรู้และความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ (25%) : การขยายแฟรนไชส์ช่วยให้แบรนด์มีตัวตนในตลาดที่ชัดเจนและแข่งขันได้ในระยะยาว
อันดับที่ 4 ลดภาระการลงทุนและตอบสนองความต้องการแฟรนไชส์ซี (รวม 15%) บางธุรกิจเลือกแฟรนไชส์เพราะต้องการลดภาระการลงทุนเปิดสาขาด้วยตัวเอง
ขณะที่ต้องการเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์และค่ารอยัลตี้ กลับเป็นผลโหวตอันดับสุดท้าย
อุปสรรคและความท้าทายในการขยาย แฟรนไชส์
แม้การขยายแฟรนไชส์จะมีศักยภาพสูง แต่ผู้ประกอบการยังต้องเผชิญกับอุปสรรคที่สำคัญ ซึ่งผลการโหวตสะท้อนถึงประเด็นดังนี้:
อันดับที่ 1 การควบคุมคุณภาพมาตรฐานของแฟรนไชส์ซี (30%) : นี่คือความท้าทายอันดับหนึ่ง เพราะธุรกิจแฟรนไชส์ที่ขาดมาตรฐานสม่ำเสมอจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า
อันดับที่ 2.การรักษาภาพลักษณ์และชื่อเสียงของแบรนด์ (19%) : การเติบโตอย่างรวดเร็วอาจทำให้แบรนด์เสี่ยงต่อการเสียชื่อเสียง หากไม่มีระบบสนับสนุนที่ดี
อันดับที่ 3.การจัดทำระบบและคู่มือการดำเนินงานที่ครอบคลุม (16%) : การขยายแฟรนไชส์ต้องมี SOPs และคู่มือที่ชัดเจน เพื่อให้แฟรนไชส์ซีปฏิบัติตามได้ง่าย
อันดับที่ 4.การสร้างทีมสนับสนุนแฟรนไชส์ซี (15%) : ทีมงานที่ขาดความพร้อมจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการช่วยเหลือแฟรนไชส์ซีในระยะยาว
ความท้าทายอื่น ๆ ได้แก่ การหาแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม (10%), การจัดการด้านการตลาดและการขยายแบรนด์ในพื้นที่ใหม่ (8%) และความซับซ้อนกฎหมายแฟรนไชส์ (1%)
จากผลโหวตในหลักสูตร “สร้างธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ (B2B รุ่นที่ 28)” แสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการไทยมองเห็นศักยภาพของการขยายธุรกิจผ่านระบบแฟรนไชส์ โดยเฉพาะเหตุผลสำคัญ เช่น การมีโมเดลธุรกิจที่สามารถทำซ้ำได้ การเร่งการเติบโต และการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แบรนด์ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด เช่น การควบคุมคุณภาพและการรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ในระยะยาว สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการยังต้องการระบบมาตรฐานที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยจัดการปัญหาเหล่านี้
คุณ เศรษฐพงศ์ ผดุงพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีโนซิส จำกัด ได้แนะนำว่า การสร้างระบบแฟรนไชส์ให้มีมาตรฐาน เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยใช้หลักการ The Baldrige Framework เพื่อพัฒนาระบบในทุกมิติของธุรกิจ พร้อมทั้งยกตัวอย่างที่ชัดเจนเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที
หลักการ The Baldrige Framework: 7 มิติของระบบแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่ง
1. Leadership (การนำองค์กร)
คำแนะนำ: กำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ และค่านิยมองค์กรให้ชัดเจน เพื่อให้แฟรนไชส์ซีและทีมงานในทุกสาขาเข้าใจตรงกัน ผู้นำองค์กรต้องมีบทบาทในการสร้างแรงบันดาลใจและรักษาความเชื่อมั่นของแฟรนไชส์ซี
ตัวอย่าง: แบรนด์ร้านกาแฟชื่อดัง กำหนดพันธกิจว่า “สร้างประสบการณ์กาแฟคุณภาพในทุกแก้ว” และจัดประชุมผู้บริหารแฟรนไชส์ซีทุกไตรมาสเพื่อย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจ
2. Strategy (กลยุทธ์)
คำแนะนำ: วางแผนเชิงกลยุทธ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น การเลือกทำเล การวางระบบการตลาด และการกำหนดเป้าหมายรายได้ของแต่ละสาขา
ตัวอย่าง: แบรนด์ร้านอาหารแห่งหนึ่งใช้กลยุทธ์การเลือกทำเลในห้างสรรพสินค้าหรือชุมชนที่มีการจราจรหนาแน่น พร้อมแผนการตลาดที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย
3. Customers (ลูกค้า)
คำแนะนำ: สร้างระบบที่เข้าใจความต้องการของลูกค้า เช่น การเก็บข้อมูลลูกค้าผ่านระบบ CRM และการออกแบบบริการให้สอดคล้องกับความคาดหวัง
ตัวอย่าง: ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อ เก็บข้อมูลการซื้อสินค้าของลูกค้าเพื่อนำไปปรับปรุงสินค้าและบริการ เช่น การเพิ่มสินค้าขายดีในพื้นที่เฉพาะ
4. Measurement, Analysis, & Knowledge Management (การวัดผล วิเคราะห์ และการจัดการความรู้)
คำแนะนำ: ใช้ข้อมูลในการวัดผล เช่น ยอดขาย ความพึงพอใจของลูกค้า และการดำเนินงานของแฟรนไชส์ซีแต่ละสาขา เพื่อปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพ
ตัวอย่าง: แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดระดับโลกใช้ระบบ POS เก็บข้อมูลยอดขายและความเร็วในการให้บริการแบบเรียลไทม์
5. Workforce (ทีมงาน)
คำแนะนำ: สร้างโปรแกรมฝึกอบรมและสนับสนุนแฟรนไชส์ซีและพนักงาน เช่น การอบรมเกี่ยวกับ SOPs การจัดการร้าน และการบริการลูกค้า
ตัวอย่าง: โรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่งจัดโปรแกรมอบรมสำหรับแฟรนไชส์ซีใหม่ทุกเดือน โดยมีหัวข้อการบริหารทีมงานและการตลาด
6. Operations (การดำเนินงาน)
คำแนะนำ: พัฒนาระบบ SOPs ที่ครอบคลุม เช่น การจัดการซัพพลายเชน การตรวจสอบคุณภาพ และการบริหารสินค้าคงคลัง
ตัวอย่าง: ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านขนมปัง ใช้ระบบซัพพลายเชนกลางที่ควบคุมอุณหภูมิและความสดใหม่ของวัตถุดิบทุกวัน
7. Results (ผลลัพธ์)
คำแนะนำ: วัดผลลัพธ์ในทุกมิติ เช่น ความพึงพอใจของลูกค้า อัตราการเติบโตของยอดขาย และความสำเร็จของแต่ละสาขา
ตัวอย่าง: แบรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ วัดผลจาก Net Promoter Score (NPS) คือเครื่องมือวัดความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า และยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนของทุกสาขา
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในระบบมาตรฐาน สำหรับแฟรนไชส์ร้านอาหาร
- Leadership: ผู้บริหารแฟรนไชส์ร้านอาหารไทยสื่อสารวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการเป็น “ร้านอาหารไทยอันดับหนึ่งในระดับสากล” และสร้างระบบที่สนับสนุนเป้าหมายนี้
- Strategy: วางแผนขยายสาขาในอาเซียนและกำหนดกลยุทธ์การสร้างชื่อเสียงผ่านเมนูซิกเนเจอร์
- Customers: ออกแบบประสบการณ์ลูกค้าที่เหมือนกันในทุกสาขา เช่น การจัดจาน บรรยากาศ และการบริการ
- Measurement: ใช้ระบบรายงานออนไลน์เพื่อติดตามยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้า
- Workforce: ออกแบบโปรแกรมอบรมพนักงานเรื่องการปรุงอาหารไทยและการให้บริการ
- Operations: สร้างคู่มือการจัดการร้านและระบบ Supply Chain ที่มีประสิทธิภาพ
- Results: ประเมินผลจากยอดขายและรีวิวลูกค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์
การเชื่อมโยงหลักการสู่ความสำเร็จ
คุณ เศรษฐพงศ์ เน้นว่า ระบบที่ดีไม่เพียงช่วยจัดการอุปสรรค แต่ยังสร้างโอกาสให้ธุรกิจเติบโตในระยะยาว โดยการนำ The Baldrige Framework มาปรับใช้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการแฟรนไชส์สามารถตอบโจทย์ทั้งเหตุผลในการขยายตัว และความท้าทายที่ต้องเจอ ตัวอย่างสำคัญคือ การจัดทำ SOPs และระบบตรวจสอบคุณภาพ เพื่อแก้ปัญหาการควบคุมมาตรฐาน และการพัฒนาทีมสนับสนุนแฟรนไชส์ซีที่ช่วยให้ทุกสาขาปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนด
บทสรุป: ระบบมาตรฐานคือหัวใจของการขยาย แฟรนไชส์
ผลโหวตแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการแฟรนไชส์ต้องการทั้งโอกาสและคำตอบสำหรับอุปสรรคที่พวกเขาเผชิญ การสร้างระบบแฟรนไชส์ด้วยหลักการ The Baldrige Framework ครอบคลุมทั้งการกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ การพัฒนาระบบปฏิบัติการ และการวัดผลลัพธ์ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
“ระบบมาตรฐานที่แข็งแกร่งไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพื้นฐานที่สร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นให้แบรนด์ในระยะยาว”
หากคุณกำลังมองหาพันธมิตรในการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ Gnosis พร้อมช่วยคุณสร้างระบบที่มั่นคงเพื่อความสำเร็จในทุกขั้นตอน
บทความนี้มาจากหลักสูตร “สร้างธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ (B2B รุ่นที่ 28)” จัดโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และถ่ายทอดโดย คุณเศรษฐพงศ์ ผดุงพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีโนซิส จำกัด วันที่ 18 ธันวาคม 2567
ติดต่อเราเพื่อสร้างระบบมาตรฐานแฟรนไชส์ของคุณได้ที่ www.gnosisadvisory.com
บทความอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับเนื้อหาในบทความนี้ได้แก่ (คลิกข้อความเพื่ออ่าน)
มาตรฐานแฟรนไชส์ กับการสร้างความสัมพันธ์
กระบวนการตรวจมาตรฐานคุณภาพแฟรนไชส์ไทย
ระบบแฟรนไชส์ มาตรฐาน B2B รุ่นที่ 26
ดูวิดีโอในช่อง Youtube ของ Gnosis หัวข้อ “การสร้างระบบแฟรนไชส์มาตรฐาน”